ออกแบบและติดตั้งระบบเดินท่อน้ำประปา

หจก.ซีรีนวอเตอร์เวอร์ค เชียงใหม่ บริการงานเดินระบบท่อประปา ท่อ PVC ท่อ HDPE ท่อ PPR ในจังหวัดเชียงใหม่และทุกส่วนภาคเหนือ เราใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำงาน เพื่องานเดินระบบท่อน้ำที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และได้มาตรฐานเท่ากันทุกจุดการเชื่อมต่อท่อ โดยลักษณะของงานต่อท่อระบบท่อประปาแต่ละประเภท จะมีการเชื่อมระบบท่อที่ต่างกัน ดังนี้

ระบบท่อ PVC (Polyvinyl chloride)

เป็นงานเดินระบบท่อประปาที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งงานเดินระบบท่อประปาแบบท่อ PVC เป็นท่อที่ทนต่อการเสื่อมสลายได้ดี ราคาถูก และมีความแข็งแรง ทนต่อแรงดันน้ำ ทนต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นฉนวนนำไฟฟ้า เป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟ และมีน้ำหนักเบา

ท่อ PVC เป็นท่อที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) มักเป็นท่อที่มีความนิยมนำมาใช้ในงานระบบประปา ซึ่งท่อ PVC จะมีชั้นคุณภาพอยู่ทั้งหมด 3 ชั้น คือ ชั้นคุณภาพ 5, 8.5 และ 13.5 ซึ่งชั้นคุณภาพของท่อแต่ล่ะชั้นจะทนแรงดันน้ำประปาที่แตกต่างกัน อาทิเช่น ชั้นคุณภาพ 5 จะทนแรงดันน้ำได้ 5 bar ชั้นคุณภาพ 8.5 ทนแรงดันน้ำได้ 8.5 bar และชั้นคุณภาพ 13.5 จะทนแรงดันน้ำได้ 13.5 bar

ซึ่งยิ่งชั้นคุณภาพสูง ท่อก็จะยิ่งมีความหนามากขึ้นและทนแรงดันน้ำได้มากขึ้น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมได้ตามลักษณะแรงดันน้ำของหน้างานในแต่ละที่ได้ ส่วนในการเชื่อมต่อระหว่างท่อนั้นก็จะใช้อุปกรณ์ข้อต่อ PVC ในการเชื่อมท่อโดยใช้น้ำยาประสานท่อ PVC โดยเฉพาะ

ระบบท่อ HDPE (High Density Polyethylene)

ท่อ HDPE คือท่อที่มีความหนาแน่นสูง เป็นท่อที่ผลิตมาจากพลาสติกชนิด PE (Polyethylene) มีความยืดหยุ่น ทนแรงจากการกระแทก การบีบอัด มีความแข็งแรง ป้องกันแสงแดดที่เข้าไปภายในท่อ ต้านไฟ และทนต่อสารเคมีต่างๆ ท่อ HDPE จึงมักนำมาใช้ในงานที่ต้องการใช้ส่งน้ำที่มีแรงดันสูง

ซึ่งท่อ HDPE จะมีชั้นคุณภาพที่รับแรงดันน้ำแตกต่างกัน เรียกว่า Pressure Nominal (PN) ซึ่งจะรับแรงดันในแต่ละช่วง PN ตั้งแต่ PN6-PN25 ที่ท่อ HDPE สามารถรับแรงดันได้ งานเดินระบบท่อ HDPE จึงมักนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม ส่วนในการเชื่อมต่อระหว่างท่อ HDPE จะเป็นการใช้เครื่องเชื่อมท่อสำหรับงานเชื่อมท่อ HDPE โดยเฉพาะ

ระบบท่อ PPR (Polypropylene random copolymer)

ท่อ PPR เป็นท่อที่ผลิตมาจากพลาสติกชนิด PP (Polypropylene) มีความแข็งแรง ทนต่อน้ำที่มีอุณหภูมิสูง ระหว่าง 50-95 องศา เหมาะสำหรับงานเดินระบบท่อน้ำร้อน-น้ำเย็น ซึ่งท่อ PPR จะมีชั้นคุณภาพอยู่ 2 ชั้นคุณภาพ คือ ชั้นคุณภาพ PN10 ทนแรงดันได้สูงสุด 10 bar. เหมาะสำหรับน้ำอุ่น-น้ำเย็น และชั้นคุณภาพ PN20 ทนแรงดันได้สูงสุด 20 bar

เหมาะสำหรับน้ำร้อน และวิธีในการเชื่อมต่อท่อ PPR จะเป็นการใช้เครื่องเชื่อมท่อ PPR โดยเฉพาะ ซึ่งในส่วนของการใช้ท่อ PPR จึงเหมาะสำหรับงานภายในสภานที่ ที่มักมีการใช้น้ำร้อน-น้ำเย็น เป็นส่วนใหญ่